จิตวิทยาโภชนาการ (nutritional psychiatry) กำลังเป็นที่จับตามองในปัจจุบัน นักวิจัยเริ่มให้ความสำคัญกับการค้นคว้าหาความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับการนอน วงจรรอบวัน และสุขภาพจิต เนื่องจากมีข้อมูลว่าคนไข้โรคซึมเศร้ามักรับประทานอาหารที่มีคุณภาพต่ำโดยเฉพาะการบริโภคคาร์โบไฮเดรตปริมาณสูง ทั้งยังมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนสัมพันธ์กับความเสี่ยงการเป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และภาวะเครียดทางด้านจิตใจที่ต่ำกว่า
มีข้อมูลงานวิจัยระบุว่าคนทำงานเป็นกะร้อยละ 25-40 มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ซึ่งมีผลทำให้ทั่วโลกต้องสูญเสียผลผลิต (productivity) ราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี คนทำงานเป็นกะมักประสบปัญหาการรับรู้รอบวันคลาดเคลื่อน (circadian misalignment) ผิดไปจากรอบวันตามนาฬิกาชีวภาพของร่างกายที่ควบคุมโดยระบบประสาทส่วนกลาง (central circadian clock) และพฤติกรรมระหว่างวัน อาทิ พฤติกรรมการตื่น-การนอน ช่วงเวลาที่รับประทานอาหาร-ช่วงเวลาที่ท้องว่าง
งานวิจัยนี้ทำการศึกษาในอาสาสมัครสุขภาพดี 19 ราย โดยใช้เกณฑ์วิธีทางห้องปฏิบัติการ พบว่า คนทำงานเป็นกะที่รับประทานอาหารเฉพาะช่วงเวลากลางวันอาจมีอาการทางอารมณ์น้อยกว่าคนทำงานเป็นกะที่รับประทานอาหารทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ผู้วิจัยจึงเสนอให้การกำหนดมื้ออาหารเป็นวิธีการช่วยลดความอ่อนไหวทางอารมณ์ในผู้ที่มีการรับรู้รอบวันคลาดเคลื่อนอาทิ ผู้ที่ทำงานเป็นกะ ผู้ที่มีอาการเมาเวลาเหตุการบิน หรือเจ็ตแล็ก (jet lag) หรือผู้ที่มีภาวะนอนไม่เป็นเวลา (circadian rhythm disorders)
ผู้วิจัยอ้างอิงหลักฐานงานวิจัยก่อนหน้าที่พบว่าการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่ผิดปกติเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความแปรปรวนทางอารมณ์จึงตั้งสมมติฐานว่าการรับประทานอาหารเฉพาะช่วงเวลากลางวันจะป้องกันความหวั่นไหวทางอารมณ์ของคนทำงานกะกลางคืนได้
ในขั้นตอนการวิจัยมีการสุ่มแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมงานวิจัยซึ่งเป็นอาสาสมัครสุขภาพดีออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับอาหารเฉพาะช่วงเวลากลางวัน (daytime-only meals intervention, DMI) และกลุ่มที่ได้รับอาหารทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน (daytime and nighttime meal control, DNMC) ทำการศึกษาโดยใช้เกณฑ์วิธีทางห้องปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลาทั้งสิ้น 14 วัน
อาสาสมัครสุขภาพดี 19 คน ประกอบด้วยผู้ชาย 12 คน และผู้หญิง 7 คน มีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 26.5 ± 4.1 ปี ถูกจัดให้อยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมแบบ forced desynchrony (FD) โดยจะได้รับแสงที่มีความเข้มต่ำ (dim light) นาน 28 ชั่วโมง เป็นเวลาทั้งสิ้น 4 รอบวัน ภายในระยะเวลา 14 วันของการวิจัย ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยมีการรับรู้รอบวันคลาดเคลื่อนไป 4 ชั่วโมงระหว่างรอบวันปกติที่ควบคุมโดยระบบประสาทส่วนกลางของร่างกาย และวงจรพฤติกรรมกับวัฏจักรสิ่งแวดล้อม เมื่อถึงวันที่ 4 จึงทำการวัดผลเปรียบเทียบผู้ป่วยกับวันแรกที่เริ่มงานวิจัย โดยกลุ่ม DNMC ซึ่งเป็นกลุ่มควบคุมของงานวิจัยนี้ จะมีการกำหนดช่วงมื้ออาหารและช่วงที่ท้องว่างให้เป็นไปตามกำหนดการแบบ 28 ชั่วโมงต่อรอบวัน โดยได้รับประทานอาหารทั้งเวลากลางวันและกลางคืนซึ่งเป็นพฤติกรรมทั่วไปของคนทำงานกะกลางคืน ขณะที่กลุ่ม DMI จะมีการกำหนดช่วงมื้ออาหารและช่วงที่ท้องว่างให้เป็นไปตามกำหนดการแบบ 24 ชั่วโมงต่อรอบวัน โดยได้รับประทานอาหารเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น
การวัดผลทำโดยใช้มาตรวัดที่อาศัยระบบคอมพิวเตอร์ประเมินผลที่เปรียบเทียบได้ด้วยสายตา (Computerized Visual Analogue Scale) ประเมินอารมณ์ที่คล้ายโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลอันหมายถึงสถานะที่มีการผสมกันของอารมณ์ต่าง ๆ ซึ่งพบได้โดยทั่วไปในโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล โดยทำการประเมินทุก ๆ ชั่วโมง ตลอดเวลา 4 วันที่ผู้เข้าร่วมงานวิจัยอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบ FD
ผลลัพธ์คือ พบการเพิ่มขึ้นของระดับอารมณ์ที่คล้ายโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลในกลุ่ม DNMC ร้อยละ 26.2 (95% confidence interval (CI) เท่ากับร้อยละ 21 ถึง 32.5, p-value = 0.001, p-value adjusted using false discovery rate (pFDR) = 0.01, effect-size r = 0.78) และร้อยละ 16.1 (95% CI เท่ากับร้อยละ 8.5 ถึง 23.6, p-value = 0.005, pFDR = 0.001, effect-size r = 0.47) ตามลำดับ และไม่พบการเพิ่มขึ้นข้างต้นในกลุ่ม DMI ทั้งอารมณ์คล้ายโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล (95% CI เท่ากับร้อยละ -5.7 ถึง 7.4, ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ และ 95% CI เท่ากับร้อยละ -3.1 ถึง 9.9, ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ตามลำดับ)
นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังมีการวัดผลเพื่อทดสอบว่าความอ่อนไหวทางอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นระหว่างทำงานกะกลางคืนมีความสัมพันธ์กับขนาดความคลาดเคลื่อนของการรับรู้รอบวันที่คลาดเคลื่อนไป โดยวัดความเปลี่ยนแปลงในระหว่างช่วงที่ตัวแปรของวงจรระดับน้ำตาลกลูโคสในรอบวันมีค่าสูงสุด (acrophase) และช่วงที่ตัวแปรของวงจรอุณหภูมิร่างกายในรอบวันมีค่าต่ำที่สุด (bathyphase) ทำให้พบว่า ขนาดความคลาดเคลื่อนของวงจรรอบวันที่เพิ่มขึ้นสัมพันธ์กับการมีอารมณ์คล้ายโรคซึมเศร้าที่เพิ่มขึ้น (r = 0.77, p-value = 0.001) และอารมณ์คล้ายโรควิตกกังวลที่เพิ่มขึ้น (r = 0.67, p-value = 0.002) ระหว่างทำงานกะกลางคืนอย่างตรงไปตรงมา
ผู้วิจัยให้ความเห็นว่าผลลัพธ์งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการกำหนดมื้ออาหารมีผลระดับปานกลางถึงมากต่ออารมณ์ที่คล้ายโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลระหว่างทำงานกะกลางคืน ทั้งยังสัมพันธ์กับขนาดความคลาดเคลื่อนของการรับรู้รอบวันที่คลาดเคลื่อนไปด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ผลลัพธ์งานวิจัยจะชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางด้านอาหารและสุขภาพจิต ยังต้องมีการศึกษาเพื่อหาความเป็นเหตุเป็นผล (causality) ระหว่างอาหารและอารมณ์คล้ายโรคซึมเศร้า และ/หรือ อารมณ์คล้ายโรควิตกกังวล รวมถึงแนวโน้มของผลกระทบต่อไป
แหล่งอ้างอิง
- Yasgur BS. Timing of food intake a novel strategy for treating mood disorders? [Internet]. 2022 [cited 2022 Sep 28]. Available from: https://www.medscape.com/viewarticle/981394#vp_1. Subscription required to view.
- Qian J, Vujovic N, Nguyen H, Rahman N, Heng SW, Amira S, et al. Daytime eating prevents mood vulnerability in night work. Proc Natl Acad Sci USA [Internet]. 2022 [cited 2022 Oct 21]. Available from: https://www.pnas.org/doi/10.1073/pnas.2206348119.